วันที่ลงทะเบียน:1953.03.31
ความคิดเห็น
Toshogu เป็นศาลเจ้าที่อุทิศให้กับโชกุนคนแรกของ Edo Shogunate (1543-1616) ที่รวมโลกและเปิด (1603-1868) Toshogu ใน Sendai ถูกสร้างขึ้นในปี 1654 โดยผู้ปกครองศักดินาคนที่สองของโดเมน Sendai, Date Tadamune (1600-1658) มีรายงานว่าผู้คนจำนวน 800,000 คนใช้เวลาห้าปีในการก่อสร้าง เราได้รวบรวมวัสดุคุณภาพสูงและช่างฝีมือชั้นยอดจากทั่วประเทศเพื่อสร้างโทโชกุอันงดงาม
open
ความเห็น
ศาลเจ้าโทโชกุเป็นศาลเจ้าที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาโทคุงะวะ อิเอะยะสุ โชกุนคนแรกของเอโดะบะกุฟุ (รัฐบาลทหาร) (ปี ค.ศ. 1543~1616) อิเอะยะสุ เอาชนะสงครามทั้งประเทศและสร้างอาคารสิ่งปลูกสร้างขึ้นในยุคสมัยเอโดะ (ปี ค.ศ. 1603~1868) หลังจากที่อิเอะยะสุถึงแก่อสัญกรรมแล้ว ศาลเจ้าโทโชกุจึงได้ถูกสร้างขึ้นทั่วประเทศเพื่อเป็นการไว้อาลัยให้กับการเสียชีวิตดังกล่าว ว่ากันว่ามีประมาณ 100 แห่งในปัจจุบัน ศาลเจ้าโทโชกุของเมืองเซนไดนี้สร้างขึ้นโดยดาเทะ ทาดะมุเนะ เจ้าผู้ครองแคว้นรุ่นที่สอง (1600-1658) ซึ่งสืบทอดต่อมาจากดาเทะ มาซามุเนะ บรรพบุรุษรุ่นแรกของผู้ครองแคว้นเซ็นไดเมื่อปีโชวโอที่ 3 (ปี ค.ศ. 1654) หลังจากที่มาซามุเนะถึงแก่อสัญกรรมแล้วได้เกิดภัยพิบัติ อาทิ น้ำท่วมใหญ่หรืออัคคีภัยขึ้นอย่างต่อเนื่องภายในปราสาทเซ็นได เนื่องจากได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลทหารเอโดะจึงทำให้ปราสาทเซ็นไดสามารถรอดพ้นวิกฤตทางการเงินได้ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทิตาจึงได้ยื่นคำร้องไปยังรัฐบาลทหารเอโดะว่าต้องการสร้างศาลเจ้าโทโชกุเพื่อใช้บูชาต่อเทพเจ้าและโทคุงะวะ อิเอะยะสุ จนในที่สุดก็ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างได้ สำหรับการก่อสร้างนั้นได้ทำการก่อสร้างอาคารของศาลเจ้ามากกว่า 15 หลังโดยเริ่มจากอาคารหลัก ว่ากันว่ามีการใช้แรงงานประมาณ 800,000 คนในการก่อสร้างดังกล่าวเป็นระยะเวลานาน 5 ปี มีการรวบรวมช่างฝีมือที่มีความเชี่ยวชาญสูงจากทั่วประเทศจนสามารถสร้างศาลเจ้าโทโชกุที่มีความหรูหราได้แล้วเสร็จสมบูรณ์ด้วยความพยายามอย่างสุดกำลังของคนในปราสาทเซ็นได
เสาโทริอิตั้งอยู่ตรงประตูศาลเจ้าและเป็นทางเข้าไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ตามมารยาทในตอนที่เดินลอดผ่านเสาโทริอิจำเป็นต้องโค้งคำนับหนึ่งครั้ง วัสดุหลักของเสาโทริอิเป็นหินแกรนิตโดยดาเทะ ทาดามุเนะ (ค.ศ1600-1658) ซึ่งเป็นผู้ครองนครของแคว้นเซนไดรุ่นที่ 2 ซึ่งเป็นผู้สร้างศาลเจ้าแห่งนี้ขึ้นมามีความต้องการหินที่มีคุณภาพสูงที่สุดจึงได้มีการติดต่อสอบถามไปยังบิเซ็นโนะคุนิ (พื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดโอกายามะในปัจจุบัน) ภายในเขตปกครองของตระกูลอิเคะดะซึ่งเป็นบ้านเกิดของฟุริ-ฮิเมะ บุตรสาวคนที่สาม ผู้ซึ่งเป็นภริยา (ค.ศ 1607-1659) เป็นที่รู้จักกันในฐานะของเสาโทริอิหินที่มีความเก่าแก่มากที่สุดชองจังหวัดมิยางิ ด้วยโครงสร้างที่มีความแข็งแรงทนทานของชั้นใต้ดินจึงทำให้ทนต่อการสั่นสะเทือนที่รุนแรงจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางภาคตะวันออกของญี่ปุ่นที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ 2011 ได้
ประตูซุยชินมงเป็นประตูที่ทำหน้าที่ปกป้องศาลเจ้าด้วยการประดิษฐานรูปปั้นของซุยจินที่ถือคันธนูและลูกศรตรงฝั่งซ้ายและขวาของประตู
หลังคาเป็นรูปทรงซึ่งเรียกกันว่าสถาปัตยกรรมสไตล์อิริโมะยะซึคุริ โดยทำจากทองแดงที่ถูกมุงด้วยแผ่นทองแดงบางอีกชั้น ตรงกลางด้านหน้าของชั้นสองจะมีการแขวนป้ายซึ่งมีจ้อความว่า ”ศาลเจ้าโทโชกุ”
กรอบไม้ตรงด้านหลังของชายคามีความหนาและระบายอากาศได้ดี บนหลังคาขนาดใหญ่ของประตูซุยชินมงสามารถมองเห็นตอนใต้ของถนนมิยาโจวโดริซึ่งตั้งห่างออกมาประมาณ 1.5 กิโลเมตร ได้อย่างชัดเจน
ประตูคะระมงเป็นประตูที่มีมีตรงกลางยกสูงและมีรูปทรงเหมือนการวางธนูแนวนอนโดยมีหลังคาเป็นรูปโค้งออกไปทางซ้ายและขวา เราเรียกแผ่นที่ลักษณะคล้ายกับรูปทรงภูเขาซึ่งติดตั้งไว้ทางด้านข้างของหลังคานี้ว่า “คะระฮะฟุ” เนื่องจากเป็นประตูที่มีคะระฮะฟุอยู่ตรงด้านหน้าจึงได้รับการขนานนามว่าประตูคะระมง มีการประดับตกแต่งโลหะในจุดที่สำคัญ อาทิ ช่องไม้หรือวัสดุไม้ เป็นต้น และมีการปิดทองเพื่อแสดงออกถึงความหรูหรา นอกจากการปิดทองที่บานประตูทั้งสองบานแล้วยังมีการแกะสลักรูปนกฟินิกส์. สิงห์ และกิเลน ไว้ทางด้านบน ปัจจุบันประตูนี้จะเปิดเฉพาะช่วงวันเทศกาลซึ่งตรงกับวันที่ 17 เมษายนเท่านั้น
รั้วซุคิเบ ล้อมรอบอาคารหลักซึ่งเป็นอาคารที่มีความสำคัญมากที่สุดในศาลเจ้าและแยกออกจากโลกของฆราวาส บุคคลภายนอกไม่สามารถเข้าได้ยกเว้นชินโชคุนักบวชในศาสนาชินโตที่หน้าที่ี่ดูแลศาลเจ้า ความยาวโดยรอยอยู่ที่ 79.4 เมตร ชั้นล่างของรั้วประดับตกแต่งด้วยทะซุคิซังตัดกรอบแนวเฉียง โดยด้านบนมีหน้าต่างที่ทำจากไม้ระแนงเรียงรายกันในแนวนอนจึงทำให้สามารถมองเห็นภายในวิหารของเทพเจ้าที่อยู่ในอาคารหลักได้อย่างชัดเจน ถือเป็นสถาปัตยกรรมที่มีการใช้วัสดุโลหะในการประดับตกแต่ง
อาคารหลักเป็นอาคารศักดิ์สิทธิ์เพื่อบูชาสักการะเทพเจ้าประจำเทศกาล ตรงปลายขอบทั้งสองด้านของหลังคาจะมองเห็นชิกิที่ยื่นโผล่ออกมาในแนวเฉียง ชิกิเป็นชื่อเรียกที่ยังคงหลงเหลือสำหรับสถาปัตยกรรมแบบเก่าและเป็นหนึ่งในรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ในการก่อสร้างศาลเจ้า อาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบเคะยาคิซึคุริทั้งหมด มีการเคลือบด้วยแล็กเกอร์ใสจึงทำให้สามารถมองเห็นลายไม้ได้โดยส่วนที่เป็นชายคา ราวบันได และบันไดจะถูกเคลือบด้วยแล็กเกอร์สีแดงสดใส ส่วนพื้นและผนังจะถูกเคลือบด้วยแล๊กเกอร์สีดำ มีการแกะสลักนางฟ้า มังกรและสิงห์ไว้ภายในรูปทรงกลมและลวดลายไม้ไว้บนพื้นประตู นอกจากนี้ยังมีการประดับตกแต่งและลงยาเคลือบสีกับวัสดุโลหะประตู การประดับตกแต่งนี้ว่ากันว่าสามารถรับชมได้แค่เฉพาะศาลเจ้าเซ็นไดโทโชกุและศาลเจ้านิกโก้โทโชกุเท่านั้น สำหรับศาลเจ้าโทโชกุนั้นนอกจากจะมีการลงทองเพื่อการแกะสลักแล้วยังมีการติดวัสดุโลหะหล่อที่มีความประณีตงดงามในจุดที่สำคัญอีกด้วย ถือเป็นอาคารหลักที่มีความสง่างามซึ่งแสดงถึงเอกลักษณ์แห่งวัฒนธรรมของดาเทะ
ข้อมูลทรัพย์สินทางวัฒนธรรม
【เวลา】
สามารถบูชาได้ทั้งวัน (ศาลเจ้าปิดเวลา 17:00 น.) พระเครื่อง / โกชูอิน / เวลาใช้งานที่จอดรถ 8:30-17:00 น. เวลารับคำอธิษฐาน 9: 00-16: 30
【วันหยุดประจำ】
-
【ราคา】
เดินไปรอบ ๆ บริเวณ: ฟรี พระเครื่อง: 800 เยน - 1200 เยน